ผงฝุ่นจากพื้นดินในเมืองนั้นคละคลุ้ง เสียงการต่อสู้ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
โรบิน อู๊ดยังคงปักหลักสู้อย่างไม่คิดชีวิต แม้จะเหนื่อยล้ามากแล้วก็ตาม
คมกระบี่ดั่งสายน้ำหลั่งไหล มันมาจากทุกทิศทาง
กระบี่ทุกเล่มต่างมีเป้าหมายเดียวกัน
คือจอมโจรอ้วนพีที่ต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวแม้เดียวดาย
กลิ่นความตายเริ่มคืบคลานเข้ามาในห้วงมโนนึก เขาพยายามไม่นึกถึงแจมมี่ อู๊ด
นางในดวงใจของเขา เพราะนั่นทำให้เขาเสียสมาธิในการต่อสู้
เขารู้สึกหนาวสั่นท่ามกลางไอแดดร้อนระอุ ร่างสะท้านไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
กระบี่ในมือของเขาดูเหมือนจะหนักขึ้นเป็นสองเท่า
ดวงตาเริ่มมองเห็นความมืดรำไรอยู่ตรงหน้า
เห็นเพียงเงากระบี่ที่ตรงเข้ามาฟาดฟันร่างของเขา
เขาใช้พละกำลังที่เหลืออยู่ปัดป้องกระบี่นั้นครั้งแล้ว … ครั้งเล่า …
สายตาเคียดแค้นชิงชังของไมตี้ อู๊ดยังคงติดตาเขาอยู่
แต่ก่อนที่เขาจะคิดอะไรมากไปกว่านี้
เสียงหนึ่งที่ไม่ใช่เสียงการต่อสู้ได้ดังขึ้น
"แบ๊กๆๆ"
'เจ้าตัวเล็ก' เขาคิดในใจ และรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย
ฝ่าวงล้อมออกไปทางต้นเสียง
"ท่านโรบิน อู๊ด เรามาช่วยท่าน …" ขอทานกลับมาอีกครั้ง
"… พี่น้องของข้า ตะลุมบอน … " เสียงนั้นแข็งกร้าว ดังไปทั่วบริเวณ
"เฮ …" เหล่าขอทานหลายสิบตัวโห่ร้องด้วยเสียงแห่งความห้าวหาญ
พร้อมกับวิ่งเข้าฟาดฟันกับพวกทหารหมู
ในขณะที่จอมโจรอ้วนพีวิ่งฝ่าวงล้อมออกมาได้แล้ว
"ท่านโรบิน อู๊ด ท่านปลอดภัยแล้ว"
โรบิน อู๊ดทรุดตัวนั่งลงด้วยความเหนื่อยอ่อน กลิ่นความตายเริ่มจางหาย ไมตี้
อู๊ดเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตลอด รีบวิ่งออกมาช่วยทหารหมูต่อสู้
โดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีหมูขอทานแก่ๆ
ท่าทางสติไม่ค่อยดีตัวหนึ่งเดินเข้าไปหา
"มาเล่กะข้าก่อม้า"
"เจ้าพูดอะไรนะ จะขี่ม้าเหรอ"
"มาเล่กะข้าก่อม้า" เขายืนยันประโยคเดิม แต่เร่งเร้าด้วยการกระชากแขนไมตี้
อู๊ดจนเซ
"พูดอะไรไม่รู้เรื่อง" เขาตะคอกใส่ และกระชากแขนกลับ
"มาเล่กะข้าก่อม้า" ใบหน้าของเขาเหมือนกำลังจะร้องไห้
"อ๋อ … มาเล่นกับข้าก่อนมั้ย"
"ช่าๆ มาเล่กะข้า นะนะ" เขาพยายามจะพูดว่า ใช่ๆ มาเล่นกับข้า นะนะ
"ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอก" ไมตี้ อู๊ดตะคอกใส่อีกครั้งด้วยโทสะ
ทำท่าจะผลักเขาออกไป
แต่เขาเบี่ยงตัวหลบโดยการหมุนตัวออกไปทางด้านซ้ายของตัวเอง
เหวี่ยงกีบมือขวาเข้าที่ต้นคอของไมตี้ อู๊ด
แรงของมันทำให้เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศได้สักพัก ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้น สลบ
สงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารหมู พี่น้องชาวขอทาน
รวมทั้งโรบิน อู๊ด
"ซาหนุจาเลอ"
"นั่นท่านผู้เฒ่าตาขาวนี่ …"
เสียงหนึ่งดังมาจากปากของขอทานตัวหนึ่งที่ตะลุมบอนกับพวกทหารหมู
"… เอาล่ะพวกเรา … โยกย้าย …"
สิ้นเสียง เหล่าหมูขอทานต่างวิ่งไปให้ไกลที่สุด เร็วที่สุด
และไม่ลืมที่จะพาโรบิน อู๊ดไปด้วย
ปล่อยให้ทหารหมูแห่งพระราชวังอืดบวมใหญ่ยืนงงอยู่ที่เดิม
"ทั้งหมด … สาม … สี่"
"โยกไปทางซ้าย แล้วก็ย้ายมาทางขวา โยกไปข้างหน้า แล้วก็โยกมาข้างหลัง …"
เหล่าขอทานร้องเพลงประสานเสียงขึ้น ยิ่งทำให้ทหารหมูงุนงงหนักเข้าไปอีก
ทุกอย่างดูสงบนิ่ง ยกเว้นเอวของท่านผู้เฒ่าตาขาว
ที่โยกย้ายไปตามจังหวะเพลงที่พี่น้องขอทานร่วมกันร้อง
"โยกย้าย โยกย้าย โยกย้ายส่ายสะโพกโยกย้าย ส่ายสะโพกโยกย้าย …"
เอวของท่านผู้เฒ่าตาขาวโยกเร็วขึ้น ตามจังหวะที่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
แขนสองข้างของเขายกขึ้นหมุนเป็นวงกลม
ชูแขนไปซ้าย เอวก็ย้ายไปทางขวา
ชูแขนไปข้างหน้า เอวก็หมุนไปข้างหลัง
ชูแขนไปขางขวา เอวก็ส่ายไปข้างซ้าย
ชูแขนไปข้างหลัง เอวก็แอ่นมาข้างหน้า
ลีลาเหมือนกำลังเล่นฮูล่าฮูบอย่างสนุกสนาน
ทหารหมูต่างยิ้มเยาะในท่าทางนั้นของท่านผู้เฒ่าตาขาว
เมื่อท่านผู้เฒ่าตาขาวโยกย้ายได้ไม่นาน
ลมจากทุกสารทิศก็พัดเข้ามาวนอยู่รอบตัวท่านผู้เฒ่า
ใบไม้และผงฝุ่นมากมายลอยเป็นวงกลม เกิดเป็นเกลียวพายุลูกเล็กๆ
ก่อนที่จะใหญ่ขึ้น … ใหญ่ขึ้น … ใหญ่ขึ้น
ทหารหมูเหล่านั้นไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายออกไปจากที่นั่นได้
เพราะลมนั้นรุนแรง พาให้พวกเขาเข้าไปสู่จุดศูนย์กลาง
ตรงตำแหน่งที่ท่านผู้เฒ่าตาขาวกำลังโยกย้ายอย่างเมามัน
พี่น้องขอทาน แม้จะอยู่ไกลออกไป แต่แรงลมนั้นก็ทำให้พวกเขาต้องหาที่ยึดเกาะ
พี่น้องตระกูลอู๊ดทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นทั้งทหารหมู ขอทาน รวมทั้งโรบิน อู๊ด
ต่างก็ได้รับผลกระทบจากสายลมนั้น แต่ทว่า เจ้าตัวเล็กกับสิ่งปลูกสร้างต่างๆ
ในเมืองร้างนี้ กลับไม่ได้ถูกลมนั้นหอบเอามันเข้าไปด้วยเลย
"โยกย้าย โยกย้าย โยกย้ายส่ายสะโพกโยกย้าย ส่ายสะโพกโยกย้าย …"
พี่น้องขอทานยังคงร้องเพลงต่อไป พายุก็แรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหอบเอาไมตี้
อู๊ด และทหารหมูทั้งหมดขึ้นไปบนฟ้า พวกเขาจึงหยุดร้องเพลง
ท่านผู้เฒ่าตาขาวก็หยุดโยกย้าย พายุนั้นจึงพัดไกลออกไป … ไกลออกไป …
จนลับสายตา
เหล่าขอทานต่างวิ่งไปหาท่านผู้เฒ่าตาขาว
เสียงแห่งชัยชนะอื้ออึงไปทั่วบริเวณ เหลือเพียงโรบิน
อู๊ดที่เริ่มจะหายเหนื่อยล้าลงแล้ว กับขอทานที่เขามอบสร้อยให้
"ขอบคุณสำหรับสร้อยทองนะ ท่านโรบิน อู๊ด"
"ข้ามิอาจรับเกียรตินั้น หากข้ามีเพียงสร้อย แต่ไม่มีพี่น้องผู้ยากไร้
ไฉนเลยข้าจะได้ทำความดีเช่นนี้ และอีกอย่าง พวกท่านก็ช่วยชีวิตข้าไว้
ข้าก็ต้องขอขอบคุณท่านเช่นกัน"
"ยินดีที่ได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น"
"ผู้เฒ่าท่านนี้คือใคร" โรบิน อู๊ดถาม
"ท่านคือผู้เฒ่าตาขาว เป็นผู้ที่มีสติไม่ค่อยจะดีนัก ครั้งแรกที่เราพบท่าน
ท่านวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาพวกข้า ปากก็ร้องเสียงหลงว่า ‘แมฉ่า …
แมฉ่าเกาะหลาข้า ข้ากัวแมฉ่า ไป ไป ไป …’
ข้าก็เลยช่วยหยิบแมลงสาบตัวนั้นออกจากหลังท่าน
เพราะความขี้กลัวแมลงสาบของท่าน
บวกกับการที่พวกเราก็ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน
และท่านเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวท่านเองเลย พวกเราจึงเรียกท่านว่า ‘ท่านผู้เฒ่าตาขาว’
ตั้งแต่นั้นมาท่านผู้เฒ่าก็อยู่กับเรามาโดยตลอด"
"แล้วที่ท่านเต้นรำเมื่อกี๊ …" โรบิน อู๊ดถามต่อด้วยความทึ่ง
"นั่นคือวิชาเคลื่อนย้ายสุกร วิชานี้สามารถเรียกลมชนิดหนึ่งได้
เป็นลมที่จะพัดเฉพาะหมู คือชาวดินแดนอ้วนพีอย่างเรา ให้ลอยหายไป
โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละครั้ง ลมนี้จะหอบผู้ที่ถูกหอบไปที่ไหน
และลมนี้ไม่สามารถพัดสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือสิ่งของอื่นๆ ได้"
"เอ๊ะ แล้วที่ท่านบอกว่าท่านผู้เฒ่าเป็นผู้ที่มีสติไม่ค่อยดีนัก
แล้วทำไมท่านมีวิชาที่น่ากลัวแบบนี้" โรบิน อู๊ดยังขนลุกไม่หาย
กับภาพที่เห็นเมื่อสักครู่
"เราไม่รู้ว่าท่านมีวิชาร้ายกาจนี้อยู่ จนคืนนั้น
คืนที่พี่น้องของเราจัดงานปาร์ตี้ยา …"
"ท่านเสพย์ยาด้วย !" โรบิน อู๊ดตกใจ
"โปรดฟังข้าให้จบก่อน … คืนนั้นพี่น้องของเราจัดงานปาร์ตี้ยาจกขึ้น
เรามักร้องรำทำเพลงกันในงาน เมื่อพวกเราร้องเพลงโยกย้าย
ท่านผู้เฒ่าตาขาวก็เริ่มโยกย้ายตามสเต็ปเอวของท่าน
แล้วก็เกิดพายุแบบที่ท่านเห็น พี่น้องของเราที่นั่งใกล้ๆ ท่านผู้เฒ่า
ถูกลมหอบเอาไป จนทุกวันนี้ก็ยังหายสาบสูญ ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร"
"เป็นวิชาที่น่ากลัวมาก ข้าอยากเรียนไว้
แต่ท่านผู้เฒ่าตาขาวคงไม่สามารถสอนได้"
"พวกเราก็อยากเรียนวิชานี้กับท่านเหมือนกัน … แต่ตอนนี้ ข้าว่า
เราไปกันเถอะ ท่านประมุขกำลังรอท่านอยู่ ท่านโรบิน อู๊ด"
"ท่านประมุข !" โรบิน อู๊ดทวนคำ
"ใช่แล้วท่านโรบิน อู๊ด ประมุขพรรคกระยาจก"
|