ดินแดนอ้วนพี ตอนที่ 14 -

เขียนโดย
: บ.ใบไม้สีเขียว (etabo@yahoo.com)
 

 

 

 

เจ้าตัวเล็กยังคงหลับอยู่ในลังไม้ใบนั้น เป็นลังไม้ที่มันวิ่งชนจนคว่ำครอบตัวเองไว้ ไม่สามารถออกไปได้ มันพยายามจะออกมาจากลังนั้น แต่อย่างไรมันก็เป็นแค่ลูกหมาตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถยกลังให้เปิดออกได้ มันทำได้ก็เพียงใช้จมูกดันลังไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ทิศทางเท่านั้น จนกระทั่งมันเหนื่อย และหลับไป ทั้งที่ยังไปได้ไม่ทันเท่าไร


เมื่อแสงแดดยามสายเล็ดลอดผ่านช่องไม้นั้นเข้ามา กระไอแดดทำให้สภาพอากาศในลังทวีความร้อนขึ้น เจ้าตัวเล็กจึงตื่นขึ้นมา สร้อยคอรูปหมูนั่งยองๆ ยังห้อยอยู่ที่คอ ลังที่ครอบตัวมันอยู่คงเคยใส่ปลามาก่อน เพราะกลิ่นปลาในลังยังเป็นกลิ่นใหม่ๆ สดๆ และกลิ่นนั้นทำให้มันรู้สึกหิว มันจึงออกเดินไปเรื่อยๆ ใช้จมูกดันลังให้ค่อยๆ กระดืบไปทีละหน่อย … ทีละหน่อย … อย่างเชื่องช้า


"ดูสิ อะไรอยู่ข้างในน่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่เจ้าตัวเล็กยังคงใช้จมูกดันลังไม้ต่อไป จากนั้น เสียงฝีเท้าของหมูตัวหนึ่งก็ใกล้เข้ามา
"จะเอ๋ …" เสียงเดิมนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อกีบทั้งแปดของเขายกลังที่กำลังเคลื่อนที่ขึ้นจากพื้น
"แบ๊กๆๆ" เจ้าตัวเล็กเห่าเสียงใสให้เจ้าของเสียงนั้น คล้ายเป็นเสียงขอบคุณ ก่อนจะวิ่งหนีไป เพราะไม่คุ้นกลิ่น
"ที่แท้ก็หมานี่เอง" เจ้าตัวเล็กได้ยินเขาพูดเป็นประโยคสุดท้าย

แจมมี่ อู๊ด พร้อมชาวพรรคกระยาจกออกตามหาโรบิน อู๊ดไปทั่วเมือง ตั้งแต่รู้ว่าเขากับเจ้าตัวเล็กไม่ได้อยู่ที่บ้าน ใกล้เที่ยงวันเข้าไปทุกที พวกเขาก็ยังหาไม่พบ ทั้งหมดหวังว่าคงจะไม่เกิดเหตุร้ายกับประมุขของตน


และเมื่อเที่ยงวันมาถึง ชาวพรรคกระยาจกทั้งหมดก็กลับมารวมตัวอีกครั้งที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากที่แยกกันไปตามหาตามที่ต่างๆ มาหมดแล้ว ชาวอ้วนพีที่ทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียงก็เดินออกมาจากที่ทำงาน ทยอยเข้ามาในร้านอาหารร้านนั้นจนแน่นขึ้นถนัดตา


"พวกหมูออฟฟิศก็แบบนี้ วันๆ ก็ทำงานที่ต้องเข้าออกตามเวลา พอถึงเวลาพักก็ออกมาหาอาหารกิน มีชีวิตตามตารางที่หมูตัวอื่นเขียนไว้ให้" ฮอลลี่ อู๊ดจับบทวิจารณ์ ก่อนจะสังเกตเห็นสิ่งเล็กๆ ขนสีน้ำตาลปุกปุยอยู่ข้างๆ ร้านนั้น


"นั่นเจ้าตัวเล็กนี่ …" เขาพูดต่อด้วยความดีใจ
"ใช่ๆ ไปกันเถอะ"


แล้วชาวพรรคทั้งหมดก็วิ่งไปทางเจ้าตัวเล็ก ทำให้มันตกใจ เพราะกำลังกินเศษอาหารของร้านอาหารอย่างเพลิดเพลิน มันคิดว่ากำลังจะมีใครมาแย่งอาหารของมัน ด้วยความหิวจนตาลาย มันจึงคาบเนื้อชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งไว้ในปาก ก่อนจะวิ่งหนีชาวพรรคกระยาจกไป


เหล่าพี่น้องพรรคกระยาจกก็วิ่งตามมันไป หวังจะได้พบกับประมุขของตน


ภาพที่ชาวเมืองหลวงเห็นก็คือ ลูกหมาตัวหนึ่งกำลังวิ่งหนีขอทานกลุ่มใหญ่ จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปตามบริเวณที่เจ้าตัวเล็กวิ่งผ่าน


"ดูขอทานพวกนั้นสิ ลูกหมาตัวนิดเดียวก็ยังจะจับ สงสัยคงจะอดอยากมาก"
"ขอทานพวกนั้นคงจะจับลูกหมาไปขาย เดี๋ยวนี้ยิ่งได้ข่าวหมาถูกจับไปชำแหละขายอยู่บ่อยๆ น่าสงสารหมามันเนอะ ยังเป็นลูกหมาอยู่แท้ๆ"
"นึกว่าจะมีแค่ต่างจังหวัด ป่าเถื่อนจริงๆ จับหมาไปกินได้ หมูอะไรทำได้ลงคอ"
ฯลฯ


ช่วงเที่ยงวันของเมืองหลวงแห่งดินแดนอ้วนพี เต็มไปด้วยหมู่หมูมากมาย เพราะเป็นเวลาพักกลางวันของหมูออฟฟิศทั้งหลาย การจราจรในเมืองหลวงก็คราคร่ำไปด้วยเกี้ยวส่วนตัว เกี้ยวประจำทาง เกี้ยวรับจ้าง รวมทั้งหมูเดินเท้าทั่วไปที่ใช้ถนนหนทางในการเดินทางจากที่ทำงานไปยังร้านอาหารหรือทำกิจธุระอื่น เจ้าตัวเล็กยังคงวิ่งต่อไป มุดลอดขาชาวอ้วนพีไปหลายต่อหลายตัว ขาแล้วขาเล่า แต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่เคยถูกเหยียบ ชิ้นเนื้อในปากก็ยังไม่หายไปไหน และสร้อยเส้นนั้นก็ยังอยู่ที่คอของมันเช่นเดิม สายตาของมันจับจ้องไปตามถนนหนทางอันเต็มไปด้วยขยะมูลฝอยที่หมูมักง่ายทั้งหลายทิ้งๆ กันไว้ อย่างไม่ห่วงใยต่อสภาพของเมืองหลวงที่เขาอาศัยอยู่


ในขณะที่พี่น้องพรรคกระยาจกวิ่งตามเจ้าตัวเล็กอย่างยากลำบาก เพราะต้องวิ่งฝ่าฝูงหมูมากมาย บางครั้งต้องวิ่งตัดถนน ผ่านสี่แยกใหญ่ๆ ที่เกี้ยวประจำทางผ่าน จนเกือบถูกเกี้ยวประจำทางเฉี่ยวชนเอาหลายครั้ง บางครั้งพวกเขาก็ได้กลิ่นเหล้าออกมาจากปากของหมูแบกเกี้ยว โดยเฉพาะหมูแบกเกี้ยวร่วมบริการ ทำให้นึกเป็นห่วงหมูโดยสารบนเกี้ยว กลัวพวกเขาจะไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เพราะต้องเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ขัดต่อโครงการรณรงค์ "เมาไม่แบก" ของ "องค์การขนส่งมวลชนบนเกี้ยว" อย่างเห็นได้ชัด


ท่อระบายน้ำที่อยู่บนทางเท้าบ้างก็ปิดไม่สนิท บ้างก็ไม่ปิดฝา เจ้าตัวเล็กต้องวิ่งอ้อมมันไป ส่วนชาวพรรคบ้างก็สามารถกระโดดข้ามไปได้ บ้างก็ตกลงไปในท่อเพราะกระโดดไม่ทัน ทางเท้าบางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อ บางที่มีปุ่มๆ บนพื้น เพื่อบอกทางให้กับหมูตาบอด แต่บางที่ก็ไม่มี คล้ายกับว่า หมูตาบอดสามารถเดินบนทางเท้านั้นได้เพียงที่เดียว ทั้งที่พวกเขาก็สามารถไปได้ทุกที่เหมือนกับหมูตาดีๆ ทั่วไป


สภาพบ้านเรือนที่ชาวพรรคกระยาจกผ่านไปตอนวิ่งไล่ตามเจ้าตัวเล็ก ทำให้เขาคิดถึงเมืองร้างที่พวกเขาเคยอยู่ เพราะมีสภาพไม่ต่างกันเท่าใดนัก บ้านเรือนในเมืองหลวงเป็นตึกแถว เรียงต่อๆ กัน บ้างสองชั้น บ้างสามชั้น มีสีสันแตกต่างกันไป บ้านของชาวเมืองหลวงจะมีบริเวณหน้าบ้านเพียงเล็กน้อย อันเป็นทางเท้าที่ทางการสร้างไว้ให้ แต่มันก็เต็มไปด้วยชาวอ้วนพีไปเสียทุกตารางกีบ ไม่ใช่เพียงชาวอ้วนพีที่สัญจรไปมาเท่านั้นที่ใช้ทางเท้า บรรดาพ่อค้าแม่ขายทั้งหลาย ก็ยึดเอาทางเท้าเป็นแผงลอยขายของของตนเอง บางแผงเลยล้ำออกไปยังถนน หวุดหวิดจะถูกเกี้ยวพุ่งชนหลายครั้ง แต่เพื่อความอยู่รอด ทำให้พวกเขาต้องหาเลี้ยงชีพแบบนี้ต่อไป


สี่แยกหนึ่ง ชาวอ้วนพีจำนวนหนึ่งกำลังจะข้ามถนน แต่ต้องรอจังหวะที่ถนนว่างๆ ไม่มีเกี้ยวแบกผ่านเท่านั้นจึงจะข้ามได้ เพราะหมูแบกเกี้ยวมักจะไม่ยอมให้ใครข้ามถนนไปได้ง่ายๆ พวกเขาคิดว่า ในสภาพการจราจรที่ติดขัดแบบนี้ การมีน้ำใจให้ใครข้ามถนน จะทำให้ตนเองไปถึงที่หมายช้าลง


เจ้าตัวเล็กวิ่งไปถึงสี่แยกนั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่เกี้ยวหนึ่งมีน้ำใจ ซึ่งไม่ได้มีโอกาสพบเจอบ่อยนัก หยุดเกี้ยวให้หมูที่รอข้ามถนนอยู่ได้ข้ามไป แว่วเสียงจากหมูแบกเกี้ยวที่ต้องจอดรอยู่ด้านหลังกร่นด่าระงม เจ้าตัวเล็กวิ่งข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่ง โดยมีพี่น้องพรรคกระยาจกตามไปอย่างกระชั้นชิด
แว่วเสียงหนึ่งดังมาจากฝูงหมูที่กำลังเดินข้ามถนน …


"น้ำย่อมไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ … น้ำใจก็เช่นกัน"


เมื่อเจ้าตัวเล็กข้ามถนนได้ มือหนึ่งก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้น สายตาจับจ้องไปยังแววตาอันตื่นกลัวของมันที่ตอนนี้เริ่มคลายความกลัวลงไปบ้างแล้ว คงเป็นเพราะกลิ่นหอมนั้นเป็นกลิ่นที่มันคุ้นเคยเป็นอย่างดี


"ท่านประมุขหญิง" ฮอลลี่ อู๊ดร้องเรียก
"ข้าออกตามหาพี่โรบินตั้งครึ่งค่อนวันมาแล้ว ยังไม่พบเลย เจ้าล่ะพบพี่โรบินมั้ย" แจมมี่ อู๊ดถามอย่างร้อนรน พลางลูบหัวเจ้าตัวเล็กให้หายตื่นกลัว
"เราพบแต่เจ้าตัวเล็กเท่านั้น" ฮอลลี่ อู๊ดตอบ
"ไหน เจ้าตัวเล็ก เจ้ารู้มั้ยว่าพี่โรบินไปอยู่ที่ไหน" แจมมี่ อู๊ดอุ้มมันขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้มันหายตกใจแล้ว ปากก็ยังคาบชิ้นเนื้อก้อนนั้นอยู่
"เอ๊ะ นี่สร้อยของพี่โรบินนี่" เธออุทานอย่างตกใจ
"พี่โรบินไม่เคยถอดสร้อยเส้นนี้เลย ตั้งแต่ข้าให้เขาไป ต้องเกิดอะไรขึ้นกับพี่โรบินแน่" แจมมี่ อู๊ดตกใจ
"ท่านประมุขหญิง อย่าห่วงเลย เราจะออกสืบหาข่าวคราวของท่านประมุขมาให้ได้" ฮอลลี่ อู๊ดเอ่ยขึ้น

"ฮ่าๆๆ ไม่นึกเลยว่ามันจะมาติดกับเราเอง จอมโจรโรบิน อู๊ด" พระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่แปดสิบจุดห้าทรงพระสำราญยิ่งนัก
"เพราะมันใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพงสูงทุกครั้งที่มันออกปล้น ข้ารู้เพราะมันก็ใช้วิธีนี้ลอบเข้าคฤหาสน์เสือน้อยของข้า เราจึงสามารถจับมันได้โดยง่าย แต่เสียดายที่คิดแผนการนี้ช้าเกินไป ไม่เช่นนั้น เราก็จับมันได้ตั้งนานแล้ว" ไทเกอร์ อู๊ดพูด
"แต่ยังไงซะ เราก็จับมันมาได้แล้ว พรุ่งนี้ ข้าก็จะลงโทษมันให้สาสมกับความผิดที่มันได้ทำไว้ ชาวอ้วนพีทั้งผองก็จะมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย" น้ำเสียงของพระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่แปดสิบจุดห้าดูร่าเริงเป็นยิ่งนัก

 

 

 
 
   

Copyright © 2004 SSSNS Universe

Hit Counter