ดินแดนอ้วนพี ตอนที่ 18 -

เขียนโดย
: บ.ใบไม้สีเขียว (etabo@yahoo.com)
 

 

 

 

แดดยามเช้าสาดส่องดินแดนอ้วนพีอีกครั้ง ประตูงานชุมนุมเชือดสุกรเปิดต้อนรับชาวอ้วนพีทุกตัว ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือมาจากที่ไหนก็ตาม นานมาแล้วที่ทางการไม่เปิดสนามกีฬาอ้วนพีให้กับประชาชนของตน เพราะเป็นสนามที่สร้างด้วยงบประมาณด้านการกีฬาของดินแดนอ้วนพี ล่าสุดเมื่อหลายปีก่อน สนามแห่งนี้เคยเป็นสนามที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาสรรพสัตว์ฝั่งตะวันออก


ชาวอ้วนพีทยอยกันเข้าประตูรอบๆ สนาม จนที่นั่งทุกที่นั่งเต็มหมด พวกเขามากันด้วยจุดประสงค์แตกต่างกันไป สำหรับชาวอ้วนพีที่เคยถูกโรบิน อู๊ดบุกปล้น พวกเขามาเพื่อดูความหายนะของจอมโจรอ้วนพี แต่สำหรับพี่น้องตระกูลผู้ด้อยโอกาสทางสังคม พวกเขามาเพื่อไว้ยับยั้งการลงโทษโรบิน อู๊ด มิตรแท้ของพวกเขา


ประตูทุกประตูในสนามถูกปิดลงแล้ว ชาวอ้วนพีที่มาช้าจึงต้องยืนนอกสนาม อาศัยฟังเสียงที่ดังมาจากด้านใน
รถบรรทุกกรงเหล็กคันหนึ่ง เคลื่อนที่ออกมาจากประตูที่นักกีฬาใช้เข้าและออกจากสนาม ในกรงนั้นมีหมาจิ้งจอกนั่งสิ้นหวังอยู่ภายใน หางของมันถูกแขวนอยู่หน้ารถคนนั้น ตามมาด้วยโรบิน อู๊ด จอมโจรอ้วนพี, แจมมี่ อู๊ด, ฮอลลี่ อู๊ด และสามทหารหมู


เสียงชาวอ้วนพีในสนามเงียบลง สายตาของพวกเขาแสดงความสงสัยออกมาว่า เจ้าหมาจิ้งจอกตัวนี้เป็นใคร นี่เป็นงานชุมนุมเชือดสุกร หรือเชือดจิ้งจอกกันแน่


รถบรรทุกกรงเหล็กคันนั้นเคลื่อนตัวมาถึงกลางสนาม โรบิน อู๊ดยืนอยู่ข้างกรงนั้น แล้วตะโกนออกไปว่า


"พี่น้องชาวอ้วนพีทุกตัวฟังข้า ข้าคือโรบิน อู๊ด จอมโจรอ้วนพี พวกเจ้าดูหมาจิ้งจอกในกรงนี้ เมื่อหลายปีก่อน มันได้ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่แปดสิบจุดห้า และแปลงกายมาตบตาพวกเรา ทำให้ชาวอ้วนพีทุกหัวระแหงต้องตกระกำลำบาก แจมมี่ อู๊ด รองธิดาอ้วนพี และสามทหารหมูเป็นพยานได้"


"ใช่แล้ว พี่น้องชาวอ้วนพีทั้งหลาย หลายปีมานี้เจ้าหมาจิ้งจอกตัวนี้ได้หลอกพวกเรา และปกครองดินแดนอ้วนพีอย่างไร้คุณธรรม เพื่อความสุขส่วนตัวของมัน เมื่อคืน โรบิน อู๊ดได้บุกเข้าไปในพระราชวังอืดบวมใหญ่ และฉีกหน้ากากของหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์" แจมมี่ อู๊ดพูดต่อ


"เราสามตัวถูกมันหลอกใช้ ทำให้พวกท่านต้องเดือดร้อน ในนามของอัศวินสามทหารหมู เราต้องกล่าวคำขอโทษแก่ทุกท่าน และขอขอบคุณโรบิน อู๊ดมาก ที่ทำให้พวกเราตาสว่าง เมื่อคืน เราเห็นกับตาตอนที่โรบิน อู๊ดตัดหางจิ้งจอกตัวที่พวกท่านเห็น ร่างของพระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่แปดสิบจุดห้าที่มันแปลงกายมาก็กลับกลายเป็นหมาจิ้งจอกตามเดิม และมันยังคิดจะทำร้ายแจมมี่ อู๊ด รองธิดาอ้วนพีอันเป็นที่รักของพวกเราด้วย"


ทหารหมูที่อยู่รอบๆ สนาม ทวนคำของโรบิน อู๊ด, แจมมี่ อู๊ด และสามทหารหมูออกไป เพื่อให้ชาวอ้วนพีทุกตัวได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดภายในสนาม


โรบิน อู๊ดพูดต่ออีกว่า "ที่ข้ามาในวันนี้ ไม่ใช่เพียงบอกให้พวกท่านได้รู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น ข้ายังมีอีกหนึ่งเรื่องที่จะบอกพวกท่าน ในเมื่อพระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่แปดสิบจุดห้าได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ใครจะมาเป็นพระราชาของพวกเราต่อไป"
เสียงของพี่น้องตระกูลอู๊ดในสนามดังขึ้น โรบิน อู๊ดปล่อยให้พวกเขาปรึกษากันสักพัก ก่อนจะพูดว่า


"ข้าเชื่อว่า วันนี้พวกท่านก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะการที่จะให้ใครมาปกครองดินแดนอ้วนพี ต้องผ่านกระบวนการมากมายหลายขั้นตอน เราจะเลือกตั้งพระราชาองค์ใหม่แห่งดินแดนอ้วนพีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทุกตัวสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่ระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ เราจำเป็นที่จะต้องมีผู้รักษาการแทน ข้าขอเสนอให้ฮอลลี่ อู๊ดที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้านี้ รักษาการแทน ใครเห็นด้วยกับข้า โปรดลุกขึ้น"


"ข้ามั่นใจอยู่แล้วว่า ท่านสามารถทำให้ชาวอ้วนพีรอดพ้นจากเงื้อมมือของจิ้งจอกตัวนั้นได้ ข้าจึงเล่าเรื่องในวังให้เจ้าฟัง ข้ากับลูกบ้านของข้าขอสนับสนุนความคิดของท่าน" ชาวอ้วนพีตัวหนึ่งในสนามลุกขึ้นตะโกนเป็นเสียงแรก เสียงนั้นใช่ใครไหนอื่น ไทธนา อู๊ดนั่นเอง


เมื่อพูดจบ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่เดินทางมากับเขาก็ลุกขึ้นยืนตามผู้ใหญ่บ้านของตน รวมทั้งชาวอ้วนพีที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็เริ่มลุกขึ้น จากนั้น คลื่นมหาชนชาวหมูก็ลุกขึ้น สนับสนุนโรบิน อู๊ด เพราะได้เห็นแล้วว่า เขาไม่ใช่จอมโจรไร้คุณธรรมอย่างที่เคยเข้าใจ จุดประสงค์เมื่อแรกเข้ามาของพวกเขาต่างหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงจุดประสงค์เดียวกันว่า พวกเขามาเพื่อรับรู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้น และเขาจะไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของหมาจิ้งจอก จะไม่มีการครอบงำของชาวต่างดินแดนอีกต่อไป


...................


เมื่อถึงวันประกาศผลการเลือกตั้งพระราชา … ไทธนา อู๊ดชนะการเลือกตั้งพระราชาองค์ใหม่แห่งดินแดนอ้วนพี


ในวันที่เขาเข้ารับตำแหน่ง เขามีน้ำหนักตัว 78.2 กิโลกรัม แต่เนื่องจากมีพระราชาที่ชื่อพระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่เจ็ดสิบแปดจุดสองแล้ว จึงต้องชั่งน้ำหนักใหม่ และใส่ทศนิยมเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง จะได้ไม่ซ้ำกัน และน้ำหนักที่ชั่งใหม่นี้ชั่งได้ 78.25 กิโลกรัม เขาจึงได้นามว่า "พระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่เจ็ดสิบแปดจุดสองห้า"


และจากวันนั้น กว่าหนึ่งปีมาแล้วที่พระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่เจ็ดสิบแปดจุดสองห้าปกครองดินแดนอ้วนพี บ้านเมืองพัฒนาไปในหลายๆ ด้าน


พระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่เจ็ดสิบแปดจุดสองห้าได้แต่งตั้งให้สามทหารหมูอันได้แก่ไมตี้ อู๊ด, ไมเคิล อู๊ด และมอร์แกน อู๊ดเป็น "อัศวินโต๊ะจีน" เพราะเห็นว่าทั้งสามโกงกินบ้านเมืองมามากมาย ต่อไปนี้ พวกเขาจะไม่ต้องโกงกินอีกต่อไป เพราะจะได้กินอย่างชอบธรรม โดยการไปเป็นทูตเจริญสัมพันธไมตรีกับดินแดนต่างๆ พวกเขาได้เดินทางไปร่วมกินโต๊ะกับบรรดาผู้นำดินแดนต่างๆ มากมาย ซึ่งพวกเขาก็ทำงานเพื่อบ้านเมืองได้อย่างน่าชมเชย ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับเชิญไปดินแดนไหน พวกเขาจะกินเรียบ นับว่าเป็นการแก้ปัญหาพวกฉ้อราษฎร์บังหลวงได้เป็นอย่างดี


"กินอย่างมีเกียรติ กินอย่างอัศวินโต๊ะจีน"


กำนันไทเกอร์ อู๊ด เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้ว พระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่แปดสิบจุดห้าเป็นหมาจิ้งจอกปลอมตัวมา และทำตัวสนิทสนมกับเขา ให้เขาได้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เพื่อที่เจ้าจิ้งจอกจะได้สามารถหาผลประโยชน์จากเขาได้ เขาจึงลาออกจากการเป็นกำนันของตำบลไขมันส่วนเกิน และหันมาเอาดีทางกีฬา อันเป็นกีฬาที่เขาโปรดปราน และได้เป็นแชมป์กอล์ฟสรรพสัตว์หลายรายการ จนเป็นนักกอล์ฟมือวางอันดับหนึ่งของโลกสรรพสัตว์ สร้างชื่อเสียงให้กับดินแดนอ้วนพีมากมาย


และในมุมหนึ่งของตำบลไขมันส่วนเกิน พระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่เจ็ดสิบแปดจุดสองห้าได้ริเริ่มโครงการ "บ้านเอื้อสุกร" โดยใช้ที่ดินในเมืองหลวงเป็นพื้นที่นำร่อง และฝากให้ชาวพรรคกระยาจกดำเนินการในขั้นแรก พี่น้องชาวพรรคก็ได้ถางพงและสร้างหมู่บ้านของตนขึ้น เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านกระยาจก โดยมีท่านประมุขโรบิน อู๊ดเป็นผู้ใหญ่บ้าน ชีวิตของพี่น้องพรรคกระยาจกดีขึ้นเรื่อยๆ"ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระเจ้าพิกกี้ อู๊ดที่เจ็ดสิบแปดจุดห้าได้วางแผนเศรษฐกิจของดินแดนอ้วนพีเป็นอย่างดี ไม่เอารัดเอาเปรียบ


เมื่อดินแดนอ้วนพีสงบสุขอีกครั้ง โรบิน อู๊ดก็เปิดร้านไก่ทอดตามที่ตั้งใจไว้ ชื่อร้าน "ไก่อ้อยสร้อย" ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านกระยาจก กิจการเจริญรุ่งเรืองดี เขาแต่งงานกับแจมมี่ อู๊ดได้เกือบปีแล้ว และกำลังจะเป็นพ่อหมู


ทุกวัน ชาวพรรคกระยาจกที่บัดนี้ ได้เปลี่ยนเป็นชาวหมู่บ้านกระยาจก จะมานั่งที่ร้านไก่อ้อยสร้อยของโรบิน อู๊ด วันนี้ก็เช่นกัน


"คิดถึงท่านผู้เฒ่าตาขาว ไม่รู้ว่าลมนั้นจะหอบท่านผู้เฒ่าไปที่ไหน" แจมมี่ อู๊ดเปรยออกมาในบ่ายวันหนึ่ง ท้องของเธอทำให้เธอดูอ้วนขึ้นเป็นสองเท่า
"ถ้าท่านผู้เฒ่ายังอยู่ คงได้กินไก่ทอดของท่านโรบิน อู๊ดทุกวัน ท่านผู้เฒ่าไม่เคยได้กินของดีๆ แบบนี้เลย ตั้งแต่มาอยู่กับเราที่เมืองร้างนั้น" ฮอลลี่ อู๊ดพูด


ทันใดนั้น ประตูร้านไก่อ้อยสร้อยก็เปิดออก หมูตัวหนึ่งเดินเข้ามา เขาใส่หมวกปิดใบหน้า ในมือมีไม้ไผ่เหลาสีเขียว พูดขึ้นว่า


"ข้ามาพบโรบิน อู๊ด" เสียงนั้นดูน่าเกรงขาม
"ข้าอยู่นี่" โรบิน อู๊ดเดินออกไปหน้าร้าน
"ข้ามาบอกข่าวบางอย่าง" พูดจบ เขาก็เปิดหมวกออก
"ท่านยาจกอู๊ด … ท่านยาจกอู๊ดจริงๆ ด้วย" โรบิน อู๊ดร้องดีใจ
"ท่านประมุขอู๊ด" พี่น้องชาวหมู่บ้านกระยาจกเอ่ยขึ้น
"เรียกข้าว่ายาจกอู๊ดเถอะ ประมุขของเจ้าคือโรบิน อู๊ดต่างหาก ข้าดีใจที่ได้พบพวกเจ้า หนึ่งปีกว่าๆ มานี้ ข้าตระเวนฝึกวิชาไม้ตีสุกรนอนอืดจนรุดหน้าไปมากแล้ว และที่สำคัญข้ามีข่าวของพี่น้องเราตัวนึง" อู๊ด อู๊ดพูด
"ใคร พี่น้องตัวไหนเหรอท่าน" โรบิน อู๊ดถาม
"ท่านผู้เฒ่าตาขาว"
"ท่านผู้เฒ่า … ท่านพบท่านผู้เฒ่าเหรอ"
"ใช่ เมื่อหลายเดือนก่อน ข้าเดินทางไปฝึกวิชาทางภาคเหนือ ข้าเห็นพายุลูกหนึ่งพัดมาไกลๆ แล้วพายลูกนั้นก็ไปหยุดอยู่ที่หมู่บ้านๆ นึง ข้าจึงเข้าไปสำรวจ ข้าก็พบท่านผู้เฒ่าตาขาวที่นั่น …"


แล้วเขาก็เล่าต่อไปว่า ที่หมู่บ้านนั้น เป็นหมู่บ้านก๋วยเตี๋ยวหมูกะเหรี่ยง ท่านผู้เฒ่าตาขาวเป็นผู้สืบทอดตำนานก๋วยเตี๋ยวหมูกะเหรี่ยงรุ่นที่ 6 ของหมู่บ้าน เมื่อก่อน ท่านผู้เฒ่ายังมีสติดีอยู่ ท่านสอนชาวบ้านทำก๋วยเตี๋ยวหมูกะเหรี่ยง


แต่เช้าวันหนึ่ง ท่านผู้เฒ่ากำลังจะเปิดร้าน ท่านเห็นแมลงสาบเป็นร้อยๆ ตัวอยู่ในหม้อก๋วยเตี๋ยว ท่านเป็นหมูที่กลัวแมลงสาบมาก จึงพยายามไล่มันออกไปจากหม้อก๋วยเตี๋ยว แต่ท่านไม่สามารถทำได้ มิหนำซ้ำ แมลงสาบยังวิ่งไต่อยู่บนตัวท่าน ทำให้ท่านกลัวจนเสียสติ วิ่งออกไปจากร้าน เสียงของท่านผู้เฒ่าทำให้ชาวบ้านตื่น และออกมาดู แต่ปรากฏว่าท่านผู้เฒ่าได้ใช้วิชาเคลื่อนย้ายสุกรพาตัวเองลอยไปตกที่เมืองร้าง ในวันที่ท่านผู้เฒ่าวิ่งเข้ามาในพรรคพร้อมกับแมลงสาบที่เกาะหลังท่าน


"… พวกเขาบอกข้าว่า พวกเขาเป็นชาวกะเหรี่ยงอ้วนพี ร่อนเร่ย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย วิชาเคลื่อนย้ายสุกร เป็นวิชาที่พวกเขาใช้ย้ายบ้านกันในสมัยก่อน แต่ปัจจุบัน เหลือท่านผู้เฒ่าตาขาวเพียงตัวเดียวที่สามารถใช้วิชานี้ได้ พวกเขาดีใจมากที่ได้พบท่านผู้เฒ่าอีกครั้ง … อ้อ แล้วที่หมู่บ้านนี้ ชาวบ้านจะพูดแบบเดียวกับท่านผู้เฒ่าทุกตัวเลย เขาบอกว่าเป็นภาษากะเหรี่ยง" อู๊ด อู๊ดเล่า


"เป็นเช่นนี้นี่เอง ในที่สุด ท่านผู้เฒ่าก็ได้กลับบ้าน ข้าโล่งใจจริงๆ ที่ได้ยินแบบนี้" โรบิน อู๊ดพูด
"โรบิน นี่คือแจมมี่ อู๊ดใช่มั้ย" อู๊ด อู๊ดถาม เมื่อเห็นแจมมี่ อู๊ดเดินมาพร้อมจานไก่ทอดจานใหญ่ที่นำมาเลี้ยงอดีตประมุขพรรคกระยาจก ข่าวการแต่งงานของเขาและเธอดังไปทั่วดินแดนอ้วนพี


"ใช่แล้ว" โรบิน อู๊ดตอบ
"เออ ข้าเห็นชื่อร้านเจ้า ไก่อ้อยสร้อย ทำไมต้องไก่อ้อยสร้อยล่ะ" อู๊ด อู๊ดถามขึ้นอีกครั้ง
"อ๋อ ข้าขายน่องไก่ทอดไง ท่านยาจกอู๊ด"
"น่องไก่ทอด แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ"
"ไก่อ้อยสร้อย น่องไก่ทอด ก็ไก่มันเดินทอดน่องไง" โรบิน อู๊ดตอบ ก่อนที่ทั้งหมดจะหัวเราะลั่นร้าน


และเช่นเดียวกัน พี่น้องตระกูลอู๊ดทั้งหมดในดินแดนอ้วนพี ก็มีเสียงหัวเราะแบบเดียวกันนี้ เป็นเสียงหัวเราะแห่งความสุข ในดินแดนที่มีความสุขที่สุดดินแดนหนึ่งในโลกสรรพสัตว์

 

- The End -


 

 

 
 
   

Copyright © 2004 SSSNS Universe

Hit Counter